ความรู้โภชนาการรักษามะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง  
 

พบกับโฉมใหม่ของข้อมูลสุขภาพที่จะนำท่านเข้าสู่การบำบัดโรคด้วยตนเอง ตามแผนโภชนาการของเรา ที่ www.zegrain.co.th

โรคมะเร็ง ทุกระยะ โรคเบาหวาน เรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไขมันสูง โรคความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน(โรคอ้วน) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคตับชนิดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ ฯลฯ รวมทั้งโรคแห่งความเสื่อมอีกหลาย 10 โรค

go to zegrain.co.th

 
 
 
 
ชื่อคำถาม : ไวรัสตับอักเสบ บี
ผู้ตั้งคำถาม : ไออุ่น โพสต์เมื่อ 9/20/2013 : 10:24:43 AM
เมื่อ 2 วันก่อนสามีไปตรวจเลือดเพื่อหาไวรัสตับอักเสบ บี ผลปรากฏว่า มีค่า HBsAg เป็น Reactive (8238) และค่า Anti HCVเป็น Negative อยากทราบว่าสามีจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา/ทานยามั้ยคะ แพทย์บอกว่า สามีเป็นพาหะ เท่านั้น แต่เจ้าตัวกังวล เนื่องจาก 20ปีแล้วเคยเป็นตับอักเสบเฉียบพลัน รักษาหาย และเจาะเลือดตรวจทุกปี(แพทย์บอกไม่มีเชื้อแล้ว มาตลอด) มีช่วง 2 ปีหลัง ไม่ได้เช็ค และที่ 2วันก่อนไปหาหมอเพราะ สามีปวดท้องบริเวณชายโครงขวา(เป็นๆหายๆ)มาประมาณ 2 เดือน จึงยอมมาตรวจร่างกาย พอเช็คเลือด ผลจึงเป็นอย่างที่เรียนคุณหมอทราบ ค่าALT ได้ 39u/l ค่ะ ..ขอบพระคุณมากค่ะ
 
 
 
 
 
ผู้ตอบคำถาม : ณัฐวัฒน์ โพสต์เมื่อ 9/21/2013 : 9:14:25 AM
คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเป็นพาหะไวรัสบีนั้นจะไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้นะครับ เชื้อไวรัสบีจะยังคงอยู่ในตัวคนไข้ไปตลอดชีวิต แล้วยิ่งถ้าเป็นพาหะด้วยแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่หมอบอกว่า "แค่เป็นพาหะเท่านั้น" บอกอย่างนั้นไม่ได้เพราะการเป็นพาหะหมายถึงมีปัญหาใหญ่ 2 อย่างคือ
1. ตัวคนไข้สามารถแพร่เชื้อนี้ติดต่อคนอื่นได้โดยเฉพาะทางเพศสัมพันธ์
2. คนไข้มีโอกาสเป็นมะเร็งตับได้สูงกว่าคนปกติถึง 4 เท่า
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องจัดการกับชีวิตให้ถูกต้องคือระวังอย่าให้คนอื่นติดเชื้อ และระวังมะเร็งตับให้ดี

การที่เจาะเลือดเพื่อวัดเชื้อนั้นแค่บอกว่าในตัวคนไข้มีเชื้อจำนวนเท่าไหร่ แต่ไม่ได้หมายความว่าหายแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของหมอและควรอธิบายให้คนไข้รู้ความจริงเพื่อใช้ชีวิตด้วยความถูกต้องและระมัดระวัง ไม่ใช่บอกคนไข้อย่างที่คุณพูด

คุณไออุ่นเปิดไปดูถาม-ตอบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพคนที่เป็นพาหะไวรัสบีซึ่งผมเคยตอบอย่างละเอียดไปแล้วหลายครั้งว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้ไปติดคนอื่นและป้องกันมะเร็งตับ

การที่คนไข้มีอาการอย่างที่บอกแสดงว่าขณะนั้นเชื้อไวรัสตัวนี้กำลังเพิ่มจำนวนและโหมโจมตีเซลล์ตับอย่างเต็มที่จึงมีอาการปวดช่องท้องและนั่นคือหนทางนำไปสู่มะเร็งตับนะครับ ดังนั้นรีบแก้ไขตัวเองด้วยการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องละเอียดถี่ถ้วนกับการใช้ชีวิต เมื่อทำถูกต้องอาการเจ็บจะหายไปแสดงว่าภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้นสามารถกดอิทธิพลของไวรัสไว้ได้และต้องปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยไปจนตลอดชีวิตครับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งตับ....ขอขอบคุณ