ความรู้โภชนาการรักษามะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง  
 

พบกับโฉมใหม่ของข้อมูลสุขภาพที่จะนำท่านเข้าสู่การบำบัดโรคด้วยตนเอง ตามแผนโภชนาการของเรา ที่ www.zegrain.co.th

โรคมะเร็ง ทุกระยะ โรคเบาหวาน เรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไขมันสูง โรคความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน(โรคอ้วน) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคตับชนิดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ ฯลฯ รวมทั้งโรคแห่งความเสื่อมอีกหลาย 10 โรค

go to zegrain.co.th

 
 
 
 
ชื่อคำถาม : fish oil
ผู้ตั้งคำถาม : ไหม โพสต์เมื่อ 6/11/2011 : 12:00:32 PM
1.น้ำมันจากปลาทูน่ากับปลาแซลมอน อันไหนดีกว่ากัน เพราะมีหลายยี่ห้อซึ่งผลิตจากปลาต่างชนิดกัน อยากเลือกชนิดที่ดีที่สุดสำหรับเด็กค่ะ
2. DHA จากน้ำมันปลาที่โฆษณาตามอาหารเสริมต่างๆ ช่วยบำรุงสมองเด็กจริงหรือเปล่าคะ แล้วจะมีสารตกค้างถ้ารับประทานมากๆ หรือเปล่าคะ 3.ช่วยแนะนำอาหารเสริม DHA ของเด็ก ป.2 ด้วยค่ะ ตอนนี้ตัดสินใจระหว่าง nutri master tri-o champ(ปลาทูน่า) กับ FISH OIL ของแอมเวย์ ขอบคุณค่ะ
 
 
 
 
 
ผู้ตอบคำถาม : ณัฐวัฒน์ โพสต์เมื่อ 6/11/2011 : 9:12:13 PM
ขอรวมตอบไปเลยดังนี้

น้ำมันปลาจากปลาแซลมอนดีที่สุดเพราะมีสารที่ชื่อว่า "โอเมก้า" ชนิดต่างๆมากที่สุดและมีความเข้มข้นสูงกว่าปลาชนิดอื่น เช่น ทูน่า เหตุผลเพราะปลาแซลมอนเมื่ออยู่ในทะเลจะอยู่ในระดับน้ำที่ลึกมากและเย็นมากซึ่งแสงผ่านลงไปไม่ถึง เช่นในทะเลเหนือ ในสภาวะเช่นนี้จะเกิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแพลงต้อน (Planton) ชนิดที่มีสาร "โอเมก้า" มากมายอยู่ในตัวมันและแพลงต้อนชนิดนี้ก็เป็นอาหารของปลาแซลมอน สาร "โอเมก้า" จึงถูกถ่ายทอดมาอยู่ในทั้งเนื้อและหนังของปลาแซลมอน ส่วนปลาทูน่าเป็นปลาที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกและไม่มืด อาหารของทูน่าก็เป็นอาหารทั่วไปเช่นเดียวกับปลาชนิดอื่น นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณภาพของ Fish oil จากแซลมอนดีกว่าทูน่าเยอะครับ

สาร DHA และ EPA เป็นสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันโอเมก้าซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) มีประโยชน์ที่เด่นชัด ดังนี้
1. ควบคุมระดับของไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ไม่ให้สูงเกินไป โดบเฉพาะในผู้ที่ชอบดื่มสุรา หรือผู้ที่ชอบกินอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล มากๆ
2. สามารถลดการอักเสบในอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ดี เช่นการอักเสบของหลอดเลือดในผู้ที่มีไขมันสูง หรือการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย เป็นต้น
3. สามารถลดการทำงานของเกร็ดเลือดให้น้อยลง เพื่อไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะเป็นก้อนได้ง่าย เป็นการลดความเสี่ยงไม่ให้ลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือด เช่น เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ และเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงสมอง เป็นการป้องกันอาการหัวใจวายเฉียบพลัน อัมพาต อัมพฤกษ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
4. DHA ในน้ำมันปลามิได้ช่วยบำรุงสมองโดยตรงนะครับ แต่น้ำมันปลาช่วยให้เลือดไม่ข้นและไหลเวียนดี เลือดจึงสามารถขึ้นไปเลี้ยงสมองพร้อมกับสารอาหารที่สมองต้องการได้ดีต่างหาก และไม่ใช่สมองเท่านั้นที่มีโอกาสรับเลือดได้ดี แต่ทุกอวัยวะในร่างกายก็จะได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดีอย่างทั่วถึงด้วยเช่นกัน น้ำมันปลาจึงถือเป็นอาหารเสริมที่ใช้บำรุงร่างกายให้แข็งแรงก็ด้วยเหตุผลดังกล่าว

จริงๆแล้วอาหารเสริม DHA ของเด็ก ป.2 ผมไม่แนะนำให้กินน้ำมันปลาเพราะร่างกายของเด็กวัยประมาณ 7-8 ขวบอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ยังไม่เหมาะกับน้ำมันปลา ไว้สัก 15 ขึ้นไปค่อยให้น้ำมันปลาดีกว่าครับ อันที่จริงเขาไม่ต้องการ DHA มากครับแต่เขาต้องการโปรตีนที่มีคุณภาพสูงในปริมาณที่เหมาะสมมากกว่า และในความเป็นจริงสมองของเด็กเขาสมบูณ์แบบ 100% ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว อยู่ที่ว่าช่วงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 0-5 เดือนคุณแม่กินอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูงพอหรือเปล่าซึ่งนั่นแหละคือการสร้างเซลล์สมองของเด็กในครรภ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นสมองจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเตรียมตัวมาดีตั้งแต่ก่อนคลอดแล้ว และเมื่อคลอดแล้วการฝึกให้เด็กมีทักษะในการใช้สมองให้ถูกต้องตามวัยจะเป็นการเพิ่มลอนของสมองเพื่อให้มีพื้นที่มากขึ้นเด็กก็จะฉลาดขึ้นแต่ก็ต้องสอนเรื่องคุณธรรมให้ดีด้วยนะครับ มิฉะนั้นเด็กยิ่งฉลาดมากก็อาจเป็นคนเลวได้มากครับ ดังนั้นจะเห็นว่า DHA ไม่มีส่วนช่วยบำรุงสองแต่อย่างใด การฝึกฝนในกระบวนการใช้ความคิดต่างหากเป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องทำให้มาก อย่าเอา DHA เป็นเครื่องทุ่นแรงเพื่อทำให้สมองดีเลยครับเพราะมันไม่ใช่ตามบริษัทขายนมต่างๆเขาก็โฆษณากันโดยยกเอา DHA เป็นอาหารวิเศษและจำเป็นสำหรับเด็ก ในทางโภชนาการเขาเห็นว่าเป็นเรื่องตลกนะครับเพราะมันไม่ใช่ (แต่ไม่มีใครเชื่อเพราะไปเชื่อโฆษณากันหมด)

คุณภาพของ DHA ระหว่าง 2 ยี่ห้อที่ควรเลือก ผมเลือกยี่ห้อหลังครับ.....ขอขอบคุณ