งานเลี้ยงหลานและเลี้ยงอยู่คนเดียวเป็นงานที่หนักมากครับและต้องบอกตามตรงว่างานนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเลยจริงๆ ถึงแม้คุณยายจะรักหลานปานดวงใจก็ตามเพราะถึงแม้ใจจะสู้แต่สังขารมันสู้ไม่ไหวหรอกครับ จึงขอแนะนำให้มีพี่เลี้ยงเป็นผู้ช่วยรับอารมณ์เครียดแทนคุณแม่เมื่อหลานนั้นดื้อตามประสาของเขาก็จะพอช่วยแบ่งเบาได้เยอะ ลองหาผู้ช่วยมาเลี้ยงหลานแทนคุณแม่ แล้วให้คุณแม่คอยกำกับดูแลสถานการณ์หรืออาจหยิบจับบ้างแต่ไม่ต้องมากเหมือนก่อนก็จะช่วยทั้งเรื่องความดันและไมเกรนได้มากครับ

สำหรับ "ธารแธน" ทั้งความดันและไมเกรนสามารถช่วยได้แต่ต้องทานสม่ำเสมอวันละ 2 ซอง และถ้ามีคนมาแบ่งเบาภาระเรื่องเลี้ยงหลานได้อาการทั้ง 2 น่าจะดีขึ้นใน 1-3 เดือน แต่ในระหว่างนั้นจะรู้สึกได้เลยว่าอาการจะดีขึ้นเป็นลำดับ

ทั้งความดันสูงและไมเกรนในอายุ 55 ปีเกิดจากความเสื่อมของอวัยวะอันได้แก่ ไต ตับ และหลอดเลือดเป็นสำคัญ นอกจากให้ทาน "ธารแธน" วันละ 2 ซองแล้วก็ต้องดูอย่างอื่นด้วย เช่น ท่านทานอาหารรสเค็มมากไหม ดื่มน้ำน้อยไปไหม นอนน้อยเกินไปหรือเปล่า มีความเครียดไหม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น ต่อให้กินยาวันละกิโลก็ไม่หายครับถ้าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุ

ส่วนไมเกรนมีตัวอย่างว่าผู้ที่เป็นไมเกรนทาน "ธารแธน" ต่อเนื่อง 15 วันๆละ 2 ซองปรากฎว่าอาการมเกรนหายไป ผู้ที่ผมพูดถึงนี้ไม่ใช่ใครอื่น "คือตัวผมเอง" ผมเป็นไมเกรนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เหตุเพราะเคร่งเครียดกับงานมาก (ตอนนั้นเป็นลูกจ้าง) และขับรถมากเดือนละประมาณ 1 หมื่นกิโลเมตรจนต้องใส่แว่นเพราะสายตายาวเนื่องจากขับรถมากนั่นเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมต้องกินยา Cafagot 1 เม็ดกับพารา 2 เม็ด รอประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะหายปวดหัวไมเกรน ขนาดมาทำซีเกรนแล้วก็ยังมีจังหวะปวดไมเกรนอยู่บ้าง แต่พอคำนวณสูตรอาหารใหม่เพื่อทำ "ธารแธน" ผมเป็นคนแรกที่ลองทานเองปรากฎว่าตั้งแต่ต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมทานยาไมเกรนไปเพียงครั้งเดียวถ้าเทียบกับเมื่อก่อนต้องกินทุก 2 สัปดาห์ ผมเลยไปเปิดตำราค้นดูพบว่ากรดอะมิโนอย่างที่ผมเอามาผสมใน "ธารแธน" มันไปทำให้เส้นเลือดในสมองที่บวมง่ายเพราะมันเสื่อมสภาพกลับยืดหยุ่นได้ดีขึ้นมันจึงไม่บวมอีก เพราะการบวมของเส้นเลือดในสมองมันไปกดและเบียดเนื้อสมองจึงทำให้ปวดเรียกว่าปวดไมเกรนซึ่งยาแก้ปวดธรรมดาเอาไม่อยู่

จึงขอสรุปว่าให้คุณแม่คุณ mam ทาน "ธารแธน" แทนอาหารวันละ 2 ซอง แล้วลดความกดดันจากเลี้ยงหลานโดยมีพี่เลี้ยงมาช่วยแล้วให้คุณแม่ถอยห่างออกมาเป็นผู้ใหญ่ที่คอยดูแลเหตุการณ์ ให้คุณแม่นอนกลางวันสัก 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้เป็นเบาหวานให้ท่านทานกล้วยน้ำว้าเยอะๆเพราะกรดอะมิโนชื่อว่า "ทริปโทแฟน" ซึ่งมีมากในกล้วยน้ำว้าจะทำให้ท่านนอนหลับได้ดีขึ้น ดื่มน้ำเยอะๆเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และอย่าให้ท่านกินเค็มมาก และแถมท้ายด้วยการออกกำลังกายวันละ 30 นาที เช่นเดินเร็วๆ ผมว่าเพียงเท่านี้ทั้งเรื่องความดันและไมเกรนก็จะค่อยๆลดลง เดี๋ยวคุณหมอก็สั่งลดและงดยาเองครับถ้าทุกอย่งเข้าสู่ภาวะปกติ

ขอเสริมตอนท้ายอีกนิดว่าถ้าให้ดี ให้คุณแม่ทาน Bio C กับ Multi B และ Fish oil ของ Blackmore ก็จะดีมากเพราะมันจะทำให้โภชนาการที่ปรับให้ดีแล้วนั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น เลือดจะไหลเวียนสะดวก ภูมิต้านทานก็แข็งแรงขึ้นด้วยเพราะเห็นว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นของดีราคาไม่แพงก็เลยแนะนำเพื่อความสมบูรณ์ในการปฏิบัติครับ...ขอขอบคุณ