ความรู้โภชนาการรักษามะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง  
 

พบกับโฉมใหม่ของข้อมูลสุขภาพที่จะนำท่านเข้าสู่การบำบัดโรคด้วยตนเอง ตามแผนโภชนาการของเรา ที่ www.zegrain.co.th

โรคมะเร็ง ทุกระยะ โรคเบาหวาน เรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไขมันสูง โรคความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน(โรคอ้วน) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคตับชนิดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ ฯลฯ รวมทั้งโรคแห่งความเสื่อมอีกหลาย 10 โรค

go to zegrain.co.th

 
 
 
 
ชื่อคำถาม : เอนไซม์
ผู้ตั้งคำถาม : kanya โพสต์เมื่อ 3/22/2011 : 1:35:35 PM
อยากทราบว่าซีเกรน (ธารแธน) กับ เอนไซม์ที่โฆษณาขายกันนั้น
อย่างไหนน่าจะมีประโยชน์กว่ากัน ต่างกันอย่างไร
(กินเพื่อลดอ้วน+แก้เบาหวาน+ความดัน+ไขมัน)
ขอบคุณค่ะ
 
 
 
 
 
ผู้ตอบคำถาม : ณัฐวัฒน์ โพสต์เมื่อ 3/22/2011 : 10:37:15 PM
คุณต้องเข้าใจก่อนว่าเอนไซม์คือโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกริยาทางเคมีในร่างกายเพื่อให้ระบบการทำงานของอวัยวะหรือเซลล์ต่างๆทำงานเป็นปกติ ถ้าคนเราเริ่มมีเอนไซม์บกพร่อง เช่น อายุมากขึ้นหรือบริโภคอาหารล้นเกินมากๆก็เป็นสาเหตุทำให้เอนไซม์บกพร่องและมีปัญหาสุขภาพได้ทั้งนั้น

เอนไซม์ถูกสร้างจากกลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะมากมาย เช่นต่อมน้ำลายสร้างเอนไซม์อะไมเลสไว้ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลในช่องปาก หรือตับสร้างเอนไซม์โปรตีเอสไว้สำหรับย่อยโปรตีน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะกินโปรตีนอะไรก็ตามโปรตีนเหล่านั้นจะต้องถูกย่อยและแยกให้เป็นโมเลกุลเล็กๆทั้งหมดในลำไส้ โดยหมดความเป็นเนื้อสัตว์หรือจะเป็นโปรตีนจากพืชก็ตามอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นตับก็จะทำหน้าที่ผลิตโปรตีนขึ้นใหม่โดยอาศัยองค์ประกอบของอาหารที่ผ่านขบวนการที่ย่อยแล้วซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของร่างกายว่าต้องการสารอาหารตัวไหนไว้ใช้ประโชน์ในระบบชีวิตซึ่งตับจะเป็นอวัยวะที่ต้องสื่อสารด้วยระบบฮอร์โมนกับทุกอวัยวะในร่างกายแล้วผลิตสารอาหารขึ้นมาใหม่ตามความต้องการของร่างกายอย่างแม่นยำต่อไป นี่คือธรรมชาติที่อัศจรรย์และสลับซับซ้อนของระบบการทำงานเพียงส่วนเล็กๆในร่างกายเท่านั้น

มาถึงเอนไซม์ที่โฆษณาขายกันซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องกินเข้าไปทางปากแล้วผ่านระบบย่อย ซึ่งร่างกายถือว่าเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่จะต้องถูกย่อยโดยระบบย่อยเพราะร่างกายเห็นว่าเอนไซม์ที่กินเข้าไปก็คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ต้องถูกย่อยและแยกออกเป็นโมเลกุลเล็กๆเพื่อให้ตับใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ประกอบขึ้นมาใหม่ให้เป็นสารอาหารชนิดใหม่ที่ร่างกายต้องการอย่างที่ผมอธิบายแล้วข้างต้น ดังนั้นเอนไซม์ที่กินเข้าไปเมื่อถูกย่อยก็จะไม่เหลือสภาพเป็นเอนไซม์อีกต่อไปในท้องเรา ผมจึงเห็นว่าเอนไซม์ที่กินเข้าไปนั้นไม่สามารถทำประโยชน์ตามโฆษณาแต่อย่างใดเลย

อย่างที่ผมบอกข้างต้นว่าเอนไซม์จะต้องถูกสร้างขึ้นจากภายในร่างกายเอง ถึงแม้สุขภาพจะเสื่อมโทรมด้วยอายุที่มากขึ้น หรือบริโภคอาหารล้นเกินจนเสียสุขภาพก็ตามล้วนทำให้เอนไซม์เสื่อมสภาพทั้งนั้น วิธีแก้ไขเพื่อให้ร่างกายสามารถกลับมาผลิตเอนไซม์ให้ดีขึ้นนั้นก็คือคุณต้องปรับโภชนาการของคุณใหม่ให้สุขภาพคุณฟื้นตัวเสียก่อนแล้วกลุ่มเซล์ที่ทำหน้าที่ผลิตเอนไซม์ที่หลับไหลไปก็จะฟื้นตัวขึ้นมาผลิตเอนไซม์ด้วยตัวของมันเองจึงจะเป็นเรื่องที่สมเหตุผล ไปคุยกับนักวิชาการ (ตัวจริง) ที่ไหนเขาก็รับได้ทั้งนั้น ไม่ต้องมีผู้วิเศษที่ไหนมาผลิตเอนไซม์ให้คุณกินโดยอ้างงานวิจัยอะไรก็ไม่รู้พูดเป็นตุเป็นตะแล้วค้นหาข้อเท็จจริงก็ไม่เจอพิสูจน์ก็ไม่ได้ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้นที่เชื่อ สินค้าอย่างนี้มีมากเหลือเกินในสังคม คนขายก็รวยขึ้นแต่คนกินนั้นเฉยๆไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงยกเว้นคนที่หลงเชื่อแบบงมงายเท่านั้นที่ตื่นเต้นแล้วเชื่ออย่างไม่ใช้เหตุผล

ดังนั้น "ธารแธน" จึงไม่ใช่คู่เปรียบเทียบกับสินค้าเอนไซม์ใดๆเลย แต่ "ธารแธน" เป็นอาหารทดแทนที่คำนวณเพื่อให้ได้สารอาหารที่สมดุลเพียงพอกับความต้องการของร่างกายด้วยธัญพืชรวม และยังมีกรดอะมิโนสำคัญที่เมื่อผ่านขบวนการย่อยแล้ว ตับจะนำมาสร้างเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูงขึ้นมาใหม่เพื่อเข้าไปซ่อมแซมทุกอย่างในร่างกายตามหลักโภชนาการจริงๆ ซึ่งเชื่อว่ารวมทั้งกลุ่มเซลล์ที่ผลิตเอนไซม์ด้วย ดังนั้นจึงมีคำตอบที่ชัดเจนว่าหลังจากบริโภค "ธารแธน" แทนอาหารวันละ 2 มื้อไม่นาน สุขภาพจะกลับฟื้นตัวหมดทั้งเรื่องอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมัน (เฉพาะไตรกลีเซอร์ไรด์) จะถูกเบียดออกจากระบบชีวิตด้วยกลไกของร่างกายที่ฟื้นตัวนั่นเอง

ผมไม่เคยต้องโฆษณาที่ไหนเพียงมีคนสั่งไปบริโภคแล้วปรากฎผลตรวจเลือดดีขึ้นเป็นลำดับ ผิวพรรณดีขึ้น หน้าตาสดใสขึ้น โรคที่เคยเป็นกลับหายไป ผมก็ทำให้เห็นๆกันอย่างนี้มา 14 ปีแล้วไม่เคยอ้างงานวิจัยของใครที่ไหนเลยจริงๆ เพราะเป็นผลงานของศูนย์ซีเกรนที่ใช้ความรู้ทางวิชาการง่ายๆอธิบายกันก็เข้าใจได้ไม่ยากซึ่งเราบอกอยู่เสมอว่าผลิตภัณฑ์ของซีเกรนไม่ใช่อาหารเทวาที่กินแล้วทุกอย่างหายหมด ผลิตภัณ์ของเรามีขีดจำกัดที่ต้องเอาคำแนะนำของเราไปปฏิบัติเพิ่มเติมด้วยจึงจะได้ผลโดยสมบูรณ์ครับ...ขอขอบคุณ