ความรู้โภชนาการรักษามะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง  
 

พบกับโฉมใหม่ของข้อมูลสุขภาพที่จะนำท่านเข้าสู่การบำบัดโรคด้วยตนเอง ตามแผนโภชนาการของเรา ที่ www.zegrain.co.th

โรคมะเร็ง ทุกระยะ โรคเบาหวาน เรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไขมันสูง โรคความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน(โรคอ้วน) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคตับชนิดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ ฯลฯ รวมทั้งโรคแห่งความเสื่อมอีกหลาย 10 โรค

go to zegrain.co.th

 
 
 
 
ชื่อคำถาม : ลูกอ้วน 2
ผู้ตั้งคำถาม : pinky ae โพสต์เมื่อ 10/31/2010 : 10:22:00 AM
เคยไปพบแพทย์แล้วค่ะ ที่โรงพยาบาลภูมิพล พบคุณหมอให้ตรวจโครโมโซม คุณหมอว่าน้องภูไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อนที่ฟังแบบเข้าใจนะค่ะว่าเวลาที่น้องภูทานเข้าไปแทนที่มันจะย่อยกับไปเก็บสะสมไว้เนื่องจากตัวย่อยนั้นน้อยกว่าปรกติ และก็ได้เข้ารับโภชนาการซึ่งช่วงนั้นทำได้ประมาณ2-3เดือน เค้าก็เครียดมาก ทำให้เกิดอาการแอบและพยายามทานโดยไม่เคี้ยวคือกลัวว่าจะไม่ได้รับประทาน จนเราต้องเปลี่ยนใหม่คือให้ทานแต่ต้องทานให้ช้าลง แต่ทางบ้านก็มีคุณพ่อของสามีนะค่ะที่อ้วน แต่ดิฉันจึงอยากให้เค้าลดลงบางค่อยๆนะค่ะ เพราะไม่อยากกดดันเค้ามากนะค่ะ
 
 
 
 
 
ผู้ตอบคำถาม : ณัฐวัฒน์ โพสต์เมื่อ 10/31/2010 : 11:20:00 AM
ผมขอแนะนำเพิ่มเติมให้พบกับนักจิตวิทยาเด็กเพื่อค้นหาทางออกในเรื่องนี้และควรให้ทุกคนในบ้านรับรู้ด้วยเพื่อดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน

ผมไม่เห็นด้วยกับคุณหมอที่บอกว่า "แทนที่จะย่อยกับไปเก็บสะสมไว้" เพราะกว่าร่างกายจะเก็บสะสมสารอาหารส่วนเกินไว้ในรูปไขมันได้นั้นมันต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อนเสมอนะครับ อาหารทั้งหมดต้องถูกย่อยหมดแน่นอนมิฉะนั้นมันจะเน่าอยู่ในลำไส้แล้วถ่ายออกมาเป็นอาหารที่กินเข้าไปเลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหมครับ?

ผมคิดว่าคงเป็นส่วนหนึ่งที่มาจากกรรมพันธุ์เพราะคุณปู่เป็นคนอ้วน และส่วนที่เหลือก็จากการไม่ได้ฝึกให้เขาทานอาหารอย่างถูกต้องมาตั้งแต่เกิด

เรื่องกรรมพันธุ์แก้ไขไม่ได้ แต่เรื่องการกินฝึกได้ครับซึ่งต้องอาศัยความอดทนสูงกันทั้งบ้านและต้องอาศัยเวลา ซึ่งก่อนอื่นต้องคุยกับน้องภูให้เข้าใจและให้เขายอมร่วมมือรวมทั้งให้ทุกคนในบ้านรับรู้และทำตามด้วยทุกคนก่อนนะครับถึงจะเริ่มเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้กันอย่างบูรณาการณ์ได้ เนื่องจากเขาเครียดจนแอบเมื่อปรับโภชนาการอย่างที่คุณบอกมาแสดงว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองแบบสุดๆซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขด้วยการพบนักจิตวิทยาเด็กช่วยปรับฐานความคิดของน้องภูอย่างถูกต้อง คุณพ่อคุณแม่และคนในบ้านทำไม่ได้เพราะพวกคุณสนิทกับเด็กมากเกินไป ต้องให้เขารับรู้จากคนแปลกหน้าที่เขาเชื่อถือและไว้ใจนั่นก็คือนักจิตวิทยาอย่างที่ผมบอก เมื่อเขาไว้ใจและทำตามคุณก็ค่อยเริ่มให้ทานซีเกรนอย่างที่ผมแนะนำให้เป็นอาหารหลักพร้อมกับเสริมวิตามินเกลือแร่ ฯลฯ ซึ่งผมจะแนะนำให้ภายหลังจากที่คุณสามารถแก้ปัญหาให้น้องภูยอมรับขบวนการบำบัดอย่างเต็มใจเสียก่อน

อย่างที่คุณบอกว่าจะฝึกให้เขาทานช้าลงอะไรอย่างนั้น ไม่เป็นผลที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้ มันเหมือนกับแก้ไขไปวันวันอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน เรื่องนี้ต้องแก้ที่ระบบความคิดของเด็กให้ได้ครับถึงจะเป็นการแก้ที่ต้นเหตุแล้วหายขาดจริงๆ

เรื่องกดดันนั้นจะคลายลงได้ต้องให้น้องภูเข้าใจพิษภัยที่จะเกิดขึ้นกับเขาถ้าปล่อยให้อ้วนแบบนี้ต่อไป ให้เขาเข้าใจขบวนการและยอมรับที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ได้ก่อน แล้วความกดดันก็จะหายไปเอง มีอะไรอยากให้แนะนำก็บอกมาได้ครับ และต้องขออภัยถ้าผมพูดอะไรตรงๆ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีถ้าเรายอมรับความจริง ปัญหาจะได้ถูกแก้ไขง่ายขึ้นครับ.....ขอขอบคุณ