ผมแนะนำให้ไปตรวจหัวใจด้วยวิธีอัลตร้าซาวน์แล้วให้แพทย์ที่ชำนาญโรคหัวใจเป็นผู้วินิจฉัยครับว่าหัวใจผิดปกติอย่างไร

อาการที่คุณเป็นผมก็เคยเป็นครับแต่ผมนานๆจึงจะเป็นสักครั้ง เนื่องจากระบบไฟฟ้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจมันสะดุดเขาเรียกอาการนี้ว่า "หัวใจสั่นพริ้ว" ครับ มีศัพท์เฉพาะเป็นภาษาอังกฤษซึ่งผมจำไม่ได้ ผลเสียก็คือทำให้การไหลเวียนของเลือดในห้องของหัวใจที่มีปัญหาการเต้นเกิดการไหลย้อนกลับไปมาอันเป็นสาเหตุของเกร็ดเลือดจะจับตัวเป็นก้อนได้ และเมื่อก้อนเลือดนี้ไหลออกจากหัวใจมันอาจไป Block เส้นเหลือดที่ไหนก็ได้ที่ทำให้อุดตันเลือดไหลผ่านได้น้อยหรือไม่ได้เลยก็เป็นได้ ยิ่งถ้าไป Block ในสมองก็ทำให้เป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้ทันที หรืออาจเสียชีวิตไปเลยก็ได้ครับ ดังนั้นหมอมักจะให้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อไม่ให้เกร็ดเลือดเกาะตัวได้ง่ายๆเพื่อป้องกันเหตุร้ายเหล่านั้นไว้ก่อน (ปกติเลือดต้องไหลทางเดียวเท่านั้นไม่มีการไหลย้อนกลับครับ)

เรื่องความเครียดก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการนี้ด้วย เพราะความเครียดมันไปรบกวนการทำงานของระบบไฟฟ้าในหัวใจโดยตรง ต้องเริ่มต้นแก้ไขที่อารมณ์ตนเอง หาต้นเหตุของความเครียดให้พบแล้วแก้ไขเรื่องอารมณ์ซะ ส่วนใหญ่ทำกันไม่ได้เพราะมัวจะไปแก้ไขที่คนอื่นเสียหมดเลยไม่ได้ผลและยิ่งเครียดมากขึ้นไปอีก ผมขอนะนำวิธีแก้ไขตามวิธีของพระพุทธเจ้าคือ
1. ให้มองตนเองแล้วเปลี่ยนแปลงปรับปรุงความคิดและอารมณ์ของตนเองซะใหม่ อย่าไปพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น
2. ฝึกให้ตนเองมีเมตตากับผู้อื่นให้มาก อย่างคิดว่าเราคิดถูกทำถูกเสมอไปเพราะนั่นมันคือความเห็นแก่ตัวของเรานั่นเอง จริงอยู่คนอื่นอาจทำอะไรไม่ถูกต้องก็ได้แต่อย่าลืมว่าเราก็มีสิทธิ์ทำอะไรไม่ถูกต้องเหมือนๆกัน นั่งคือวิธีคิดให้เกิดความเมตตากับคนรอบข้าง อภัยกันบ้าง นึกคำว่า "ช่างมัน" กับการกระทำของคนอื่นมากๆหน่อยคุณจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้นแล้วนี่แหละจะทำให้คุณมีเมตตาและทำให้มีความสุข แล้วความเครียดก็จะหายไปเอง เพราะคุณจะไม่หลงอารมณ์ตนเองเหมือนก่อนแต่คุณจะมีสติรู้ทันอารมณ์ตนเองมากขึ้น นี่คือความถูกต้องนะครับ

พอดีวันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา พรุ่งนี้เข้าพรรษา คุณก็เริ่มปฏิบัติเลยนะครับเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต แล้วอาการที่คุณเป็นก็อาจหายโดยไม่ต้องใช้ยาก็ได้ครับ ขอให้บุญรักษา.....ขอขอบคุณ