ผายลมบ่อยนั้นสำคัญที่กลิ่นครับ ถ้าทุกครั้งที่ผายลมส่งกลิ่นตลบอบอวลและลามไปถึงคนอื่นซึ่งแทบจะแทรกแผ่นดินหนีก็แสดงว่าในระบบทางเดินอาหารของคุณเกิดก๊าซซึ่งเป็นผลผลิตจากแบคทีเรียที่ไม่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีเลย โดยมากจะเป็นก๊าซไข่เน่า (Hydrogen Sulfide) เป็นส่วนใหญ่ ปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดจากชนิดอาหารที่คุณกินเป็นตัวกำหนดชนิดของแบคทีเรีย เช่น กินเนื้อสัตว์มาก กินแป้งและน้ำตาลขัดขาวมาก กินอาหารที่มีไขมันจากสัตว์มาก และเป็นอาหารที่มีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้จะทำให้ระบบย่อยคุณทำงานไม่ดี สารอาหารที่ถูกดูดซึมก็ไม่สร้างสมดุลทางโภชนาการให้กับคุณทำให้อนาคตป่วยได้ง่าย และสุดท้ายอุจจาระก็ไม่มีรูปทรงที่ดีเละเทะบ้างและมีกลิ่นเหม็นรุนแรงเหมือนกลิ่นที่ผายลมออกมา คนที่เป็นแบบนี้ระวังนะครับเพราะนั่นคือสัญญาณเตือนจากระบบย่อยของคุณว่าอนาคตสุขภาพคุณจะไม่สดใส

ในทางตรงข้าม ถ้าการผายลมของคุณมีกลิ่นน้อย (ทางวิชาการเรียกว่ากลิ่นเฉพาะตัว) หรือบางคนผายลมแบบแทบไม่มีกลิ่นเลย คนลักษณะนี้ลองศึกษาดูจะพบว่าชอบกินอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ธัญพืช ผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ หรือถ้ากินเนื้อสัตว์ก็กินไม่มากและไม่บ่อย เป็นคนไม่ติดรสหวาน และกินอาหารอย่างมีความรู้และมีความระมัดระวังในการเลือกกินอาหารพอสมควร ส่วนใหญ่คนอย่างนี้มักกินอาหารสมดุล เมื่อเป็นอย่างนั้นลำไส้ของเขาจะผลิตแบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ออกมามากเพื่อทำการย่อยกากอาหารในบริเวณลำไส้ใหญ่ตอนต้นเพื่อเปลี่ยนกากอาหารเหล่านั้นเป็นอุจจาระซึ่งจะมีกลิ่นเฉพาะตัวอย่างที่กล่าวแล้ว คนเหล่านี้มักมีสุขภาพดี ไม่ค่อยป่วยง่ายๆและมีอายุยืน

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะผายลมบ่อยแค่ไหนไม่ว่าจะเวลาใดขอให้สังเกตุที่กลิ่น และสังเกตุอุจจาระด้วยว่ามีรูปทรงเป็นก้อนลอยน้ำดีไม่มีกลิ่นมาก แสดงว่า OK ครับ คุณเป็นคนมีสุขภาพดี

แต่ถ้าคุณผายลมบ่อยอย่างที่คุณเป็นตั้งแต่บ่ายถึงดึก แต่ถ้าไม่มีกลิ่นรบกวนแสดงว่าคุณกินอาหารถูกต้องแต่เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดครับ อาหารชิ้นโตเกินไปเมื่อลงสู่ระบบย่อยมักจะย่อยไม่หมดเลยเป็นอาหารของแบคทีเรียมาก จึงทำให้เกิดก๊าซมากคุณเลยผายลมมากตามส่วน ดังนั้นลองเคียวอาหารให้ละเอียดขึ้นแล้วค่อยกลืน โดยมาตรฐานอาหาร 1 คำเขาต้องเคี้ยวประมาณ 30 ครั้งนะครับจึงถือว่าละเอียดพอแหมาะกับการย่อย ถ้านับคำที่เคี้ยวด้วยก็ถือเป็นการทำสมาธิไปในตัวด้วย ลองสังเกตุและปรับวิธีการกินอาหารดูอีกทีนะครับ....ขอขอบคุณ