ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่าการทานธัญพืชรวมที่อบสุกอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการไปตลอดชีวิตนั้นมีความปลอดภัยกว่าการทานข้าวและกับข้าวที่เราท่านทานกันอยู่ทุกวันเสียอีก เพราะอาหารที่ปรุงเองมีความเสี่ยงต่อสารเคมีและสัดส่วนที่ไม่สมดุลทางโภชนาการมากกว่าที่จะทานธัญพืชอย่างซีเกรนหรือซีเกรนโปรเพราะเราคำนวณมาให้เรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญไม่มีสารเคมีใดๆหรือแม้แต่สารปรุงแต่งก็ไม่ได้ใส่เลย ดังนั้นการทานซีเกรนเป็นประจำต้องขอบอกอย่างหนักแน่นว่ามันมีแต่ประโยชน์จริงๆครับ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจได้มากกว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็ขออนุญาตเปรียบเทียบกับของที่เราเคารพบูชาสักหน่อยคือการปฏิบัติธรรมตามหลักพุทธศาสนาที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนถามว่ามีโทษไหมก็ต้องตอบว่าไม่มีโทษจริงๆเพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนผิดเลยนั่นเอง ก็ขออนุญาตเปรียบการทานธัญพืชซีเกรนหรือซีเกรนโปรเป็นความถูกต้องปลอดภัยเหมือนกับที่เราปฏิบัติธรรมตามคำสอนที่ถูกต้องจริงๆ ถ้าผมกล่าวเกินเลยไปก็ต้องขออภัยจริงๆครับ

การทานน้ำมันงาหรือถั่วเหลืองมีแต่ประโยชน์เช่นกันครับเพราะน้ำมันจากงาหรือถั่วเหลืองเป็นน้ำมันชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวล้วนๆ 100% ที่จะเข้าไปยับยั้งและขจัดพิษภัยจากไขมันชนิดอิ่มตัวเช่นคอเลสเตอร์รอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ หรือ แอล.ดี.แอล ที่มีมากเกินไปในร่างกายไม่ให้ทำอันตรายต่อหลอดเลือด หัวใจและระบบอวัยวะทั้งหลายในร่างกายเรา เขาเรียกว่าใช้ไขมันดีคุมไขมันเลว นอกจากนั้นการทานไขมันอย่างงาหรือถั่วเหลืองจะยิ่งช่วยให้บำรุงตับดีนักแล แต่ขอให้ทานสม่ำเสมอก็แล้วกัน

แคลเซี่ยมในงามีปริมาณมากกว่าแคลเซี่ยมในนมวัวกว่า 3 เท่าในน้ำหนักที่เท่ากัน โดยทั่วไปร่างกายต้องการแคลเซี่ยมวันละประมาณ 1000-1200 มิลลิกรัม การทานซีเกรนหรือซีเกรนโปรแทนอาหารวันละ 2 ซองคุณดวงใจจะได้เฉพาะแคลเซี่ยมประมาณ 1200 มิลลิกรัมแล้ว ผมถึงบอกอยู่เสมอว่าให้งดดื่มนมวัวแล้วหันมาทานธัญพืชของเรานอกจากได้แคลเซี่ยมพอเพียงแล้วสารอาหารอื่นๆในธัญพืชของเรายังให้คุณค่าสารอาหารสมดุลอีกด้วย

เรื่องโภชนาการที่เป็นประโยชน์จริงๆนั้นมันเหมือนเส้นผมบังภูเขา ต้องลองถึงจะรู้และต้องลองด้วยตนเอง พบว่าผู้ที่ทานอาหารธัญพืชของเราอย่างสม่ำเสมอจะมีประสบการณ์ตรงว่าดีอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างชงัดอย่างไรครับ...ขอขอบคุณ