ความรู้โภชนาการรักษามะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง  
 

พบกับโฉมใหม่ของข้อมูลสุขภาพที่จะนำท่านเข้าสู่การบำบัดโรคด้วยตนเอง ตามแผนโภชนาการของเรา ที่ www.zegrain.co.th

โรคมะเร็ง ทุกระยะ โรคเบาหวาน เรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไขมันสูง โรคความดันสูง น้ำหนักตัวเกิน(โรคอ้วน) โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคตับชนิดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ ฯลฯ รวมทั้งโรคแห่งความเสื่อมอีกหลาย 10 โรค

go to zegrain.co.th

 
 
 
 
ชื่อคำถาม : เรื่อง คอลลาเจน
ผู้ตั้งคำถาม : แพร โพสต์เมื่อ 1/10/2009 : 5:25:46 PM
ขอเรียนถามค่ะ ว่าคอลลาเจนคืออะไร มีความจำเป็นต่อร่างกายหรือไม่
และจำเป็นที่เราจะต้องรับประทานเสริมหรือเปล่าคะ

ทำไมบางครั้งเห็นโฆษณาว่า คอลลาเจนมาจากผลไม้ บ้าง คอลลาเจนมาจากปลาทะเลบ้าง เลยสงสัยว่าจริงๆ แล้ว คอลลาเจนควรมาจากแหล่งใดกันแน่
 
 
 
 
 
ผู้ตอบคำถาม : ณัฐวัฒน์ โพสต์เมื่อ 1/10/2009 : 8:35:50 PM
คอลลาเจนเป็นภาษากรีกแปลว่า "กาว" เป็นโมเลกุลของโปรตีนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ยึดโยงกันอย่างเหนียวแน่นอยู่ใต้ผิวหนังมีหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง และผิวหน้าให้ดูเต่งตึงไม่เหี่ยวย่นไม่มีริ้วรอย โดยปกติในวัยรุ่นจะมีปริมาณคอลลาเจนในร่างกายคิดเป็น 30% โดยน้ำหนัก เช่นมีน้ำหนักตัว 50 กก. ก็จะเป็นน้ำหนักของคอลลาเจนประมาณ 15 กก.ซึ่งไม่ใช้น้อยๆเลย ดังนั้นเด็กวัยรุ่นจะหน้าใสผิวพรรณเต่งตึงดูแข็งแรงสดชื่นน่ามองน่าดู แต่พออายุเลย 20 ปีไปแล้วทราบไหมว่าจำนวนคอลลาเจนจะลดลงประมาณปีละ 1% โดยน้ำหนัก แสดงว่าเมื่อถึงอายุ 70 ปีคนที่มีน้ำหนักตัว 50 กก.เมื่อกี้จะมีคอลลาเจนเหลือเพียง 7.5 กก.เท่านั้น จะดูไม่เหี่ยวไม่ย่นได้อย่างไร ถ้าถามว่าคอลลาเจนมีความจำเป็นต่อร่างกายหรือไม่ คำตอบคือมีแน่นอนครับเพราะคอลลานเจนเป็นโปนตีนที่บอกถึงความแข็งแรงและมีจิตใจแจ่มใสของร่างกายนั่นเอง

ทำอย่างไรคอลลาเจนจึงเกิดขึ้นและอยู่กับเราได้นานๆ มีคำตอบดังนี้
1. กินโปรตีนที่มีคุณภาพตั้งแต่วัยเด็กให้พอเพียงต่อร่างกายเพื่อนำไปสร้างชดเชยคอลลาเจนที่เสียหายไปตามวัย
2. เรื่องโภชนาการเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการชลอความเสื่อมของคอลาเจนหลังอายุ 20 ปี ด้วยการควบคุมอาหารที่ให้พลังงานสูงทั้งแป้ง น้ำตาล ไขมันอิ่มตัวอันก่อให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น เพราะอนุมูลอิสระยิ่งมากก็จะยิ่งทำลายคอลลาเจนได้เร็วขึ้นเท่านั้น
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงซึ่งจะทำให้เกิดสารคัดหลั่งประเภทฮอร์โมนชนิดต่างๆเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอลลานเจนนั่นเอง
4. ความเครียดทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากซึ่งเป็นตัวทำลายคอลลานเจนมากที่สุด ดังนั้นถ้ายิ่งเครียดก็จะยิ่งเหี่ยวเร็ว ถ้าเครียดไม่ยอมเลิกก็จะยิ่งย่นเร็ว และถ้าเครียดซ้ำซากก็จะมีริ้วรอยใต้ผิวหนังได้มากและลึก ในทางตรงข้ามถ้าเป็นคนอารมณ์ดีร่าเริงแจ่มใสอนุมูลอิสระก็จะไม่มี ทำให้ตัวทำลายคอลลาเจนไม่มี
5. ดื่มน้ำสม่ำเสมอตลอดวันๆละ 2.5-3.5 ลิตรทำให้ร่างกายสดชื่นช่วยป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนได้ดี แต่พฤติกรรมตามข้อ 4. ต้องไม่บกพร่องด้วยนะครับ
6. การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดฝอยด้วยการนวดแบบ Therpy ต่างๆจะช่วยให้คอลลาเจนอยู่กับเราได้นานขึ้น
7. หายใจเข้าให้ลึกเต็มปอด และหายใจออกให้หมดอย่างช้าๆวันละ 10-20 ครั้ง เป็นการเติมออกซิเจนให้กับระบบเลือดและระบบอวัยวะในร่างกายทำให้คอลลาเจนแข็งแรงและจะอยู่กับเราได้นานอีกเช่นกัน

ถ้าใครทำได้ครบ 7 ข้อก็ไม่ต้องห่วงเรื่องคอลลาเจนจะหายไปไหนเร็วเพราะจะอยู่กับเรานานเท่านานครับ

อย่าไปแสวงหาคอลาเจนจากที่ไหนๆเลยครับผมว่าเขาหลอกเอาสตางค์คุณมากกว่า จริงๆแล้วคอลลาเจนมีอยู่ในอาหารทุกประเภทอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ เพราะต่างก็มีโปรตีนทั้งนั้นไม่มากก็น้อย การที่ร่างกายจะมีคอลลาเจนได้ดีนั้นไม่ได้อยู่ที่กินอะไรที่มีคอลลาเจนนะครับ เพราะคอลลาเจนเมื่อถูกกินเข้าไปมันย่อมถูกย่อยเป็นโมเลกุลเล็กๆแตกตัวแยกย้ายกันไปหมด จะไปรวมตัวกันอีกทีก็บอกไม่ได้ว่าจะรวมกันเป็นสารอะไรขึ้นอยู่กับว่าร่างกายจะเอาสารอาหารเหล่านั้นมาสร้างเป็นอะไรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์โดยมีตับเป็นอวัยวะที่ดำเนินการผลิตให้ครับ

ผมจึงขอบอกว่าถ้าอยากให้ร่างกายมีคอลลาเจนมากๆและอยู่นานๆคุณแพรต้องบริโภคอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการครบทุกหมู่และต้องสมดุลด้วย แล้วก็ให้กลับไปดูคำแนะนำที่บอกไว้ทั้ง 7 ข้ออีกครั้งแล้วทำให้ครบ นั่นแหละครับคือขบวนการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องไปลงทุนซื้อคอลลาเจนมาทานหรือบางคนลงทุนไปฉีดก็มีมาก ซึ่งผมไม่ขอแนะนำให้ทำ

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโมเลกุลใหญ่มากจึงไม่สามารถใช้ทาให้ซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนังได้ ดังนั้นจึงขอตอบข้อสงสัยว่าจริงๆแล้วคอลลาเจนควรมาจากแหล่งไหน คำตอบก็คือควรมาจากการสร้างขึ้นเองในระบบร่างกายหรือระบบชีวิตของเราเองซึ่งเป็นของแท้แน่นอนที่สุดครับ....ขอขอบคุณ