ตอนนี้อายุ 56 ปี เริ่มมีปัญหา SGOT และ SGPT ตั้งแต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว โดยตรวจและติดตามผลมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาประมาณ 5 ปี โดยไปเจาะเลือดตรวจทุก 3 เดือน ปรากฎว่า SGOT และ SGPT เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนหลังคุณหมอได้วิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าการที่ค่า SGOT และ SGPT สูงขึ้นจะสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น คุณหมอก็บอกว่าไม่ต้อง Follow up แล้ว ให้ไปลดน้ำหนักอย่างเดียว โดยแนะนำให้ "งด" น้ำตาลโดยเด็ดขาด ส่วนไขมัน และแป้งให้ลด ส่วนน้ำตาลใช้คำว่า "งด" ไม่ใช่ "ลด" พอไปทำแบบที่คุณหมอแนะนำ ปรากฎว่า SGOT กับ SGPT ก็ลดลงมาเป็นปกติภายในเวลา 6 เดือนเหลือประมาณ 30-36 และน้ำหนักลดไป 10 กก. แต่ปรากฎว่าหลังน้ำหนักลด ก็มีไขมันเกาะตับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คิดว่าน่าจะมาจากการที่ลดน้ำหนักลงมากหรือเร็วเกินไปหรือเปล่าคะ
หลังจากนั้นเมื่อ 7 ปีที่แล้วได้ผ่าตัดมดลูกคุณหมอได้ฉีดฮอร์โมนให้ 6 เข็ม หลังจากที่ฉีดฮอร์โมนน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาอีกเกือบ 10 ก.ก. แต่ SGOT กับ SGPT ไม่สูงขึ้นแล้ว ก็ทำการลดน้ำหนักเองอีก จนลดมา 8 ก.ก. ไขมันเกาะตับก็มากขึ้นอีก ตอนนี้หมอบอกว่ามีไขมันเกาะตับเป็นจำนวนมาก
อยากจะถามว่าถ้าตอนนี้น้ำหนักเกินอยู่ 5 ก.ก. แล้วลดน้ำหนักอีกจะทำให้มีไขมันเกาะตับมากขึ้นอีกหรือเปล่าคะ
แต่ยอมรับค่ะว่าการลดน้ำหนักจะใช้วิธีการควบคุมอาหาร งดน้ำตาล ลดแป้ง ไขมัน แต่ไม่ค่อยเน้นเรื่องการออกกำลังกาย จะเกี่ยวไหมคะ

เมื่อ 7 ปีที่แล้วได้ไปปฏิบัติธรรมมาค่ะ ไปถือศีล 8 และปฏิบัติอยู่ประมาณ 3 เดือนแบบสติปัฏฐาน4 ค่ะจนจบพื้นฐาน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีก ก็ใช้วิธีการเจริญสติในชีวิตประจำวัน โดยให้รู้เท่าทันจิต และรู้ความเคลื่อนไหวของกาย ใจ แต่ก็ทำได้บ้าง ลืมบ้าง ก่อนปฏิบัติก็มีความเครียดมาก ตอนนี้ความเครียดก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง เคยเป็นไมเกรนก็ทุเลาลงจนเกือบจะไม่เป็นอีกเลย ปัจจุบันจิตใจรู้สึกสงบขึ้นกว่าเก่ามาก ก็พยายามรู้เท่าทันจิตให้มากขึ้น ตอนนี้ก็อ่านหนังสือธรรมะของพระอาจารย์ปราโมทย์ ซึ่งสอนเกี่ยวกับการเจริญสติเหมือนกัน เห็นว่าเป็นแนวทางเดียวกัน ก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาก ๆ ค่ะ