ก่อนอื่นจะขออธิบายเรื่องเชื้อ Helicobactor pylori หรือ H.Pylori สักนิดก่อนเผื่อท่านที่ยังไม่รู้จักนะครับ

พบว่า ผู้ป่วยด้วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร ประมาณ 80% จะพบเชื้อตัวนี้อยู่ด้วย ในส่วน 20% ที่ไม่พบเชื้อนี้ มักพบว่าเป็นแผลในกระเพาะอาหารจากการใช้ยาแก้ปวด

ในช่วงแรกๆที่ค้นพบ ก็เป็นที่ถกเถียงกันมากส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูงมาก จึงไม่น่าจะมีเชื้อใดๆอาศัยอยู่ได้

แต่การค้นคว้า 10 ปีให้หลัง โดยนักวัจัยหลายๆคน จึงพบว่าเป็นจริงเพราะH. pylori สามารถสร้างสารมาทำลายกรดได้ ชื่อว่า Urease จึงสามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารได้ และด้วยรูปร่างเป็นเกรียวของมันนี้เอง จึงสามารถเจาะชั้นเยื่อเมือกของกระเพาะอาหาร เข้าไปได้ และการเจาะนี้ทำให้เกิดแผลขึ้นมา เมื่อแผลที่เกิดขึ้นนี้สัมผัสกับกรดในกระเพาะอาหาร แผลก็จะรุนแรงขึ้นและทำให้เกิดโรคกระเพาะอักเสบได้

การตรวจหา Antibody หรือภูมิต่อเชื้อนี้ก็ทำได้หลายวิธี เช่นการตรวจเลือด ตรวจจากลมหายใจ ตรวจเนื้อเยื่อ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน แต่การตรวจจากเลือดเชื่อกันว่ามีความเสี่ยงที่ผลจะออกมาผิดพลาดง่ายกว่าวิธีอื่น ๆ ครับ

หากมีอาการของโรคกระเพาะไปแล้วการตรวจหาภูมิคงจะช้าไปเสียแล้วครับ การปฏิบัติก็คงต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์เจ้าของไข้ครับ

แต่หากยังไม่มีอาการของโรค แล้วถามว่าจะตรวจเพื่อเป็นการทราบล่วงหน้าว่าเรามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อตัวนี้หรือไม่ ก็สามารถทำได้ ถ้าตรวจกับโรงพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ผลที่ได้ก็จะเชื่อถือได้ครับ และจะเป็นประโยชน์ในการป้องกันการเกิดโรคมากกว่า เช่นถ้าตรวจพบว่าเราไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ ก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นที่จะไม่รับเชื้อ เช่นไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน ควบคุมอารมณ์ไม่ให้เครียด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เลือกใช้ยาที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เหล่านี้ก็จะป้องการโรคกระเพาะได้ครับ

แต่ถึงตรวจแล้วพบว่ามีภูมิต่อเชื้อ ก็ยังควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ดี เพราะพฤติกรรมเหล่านั้นนอกจากจะทำให้เกิดโรคกระเพาะแล้ว ก็ยังเป็นบ่อเกิดของโรคอื่น ๆ ได้ด้วย สรุปว่าถ้าอยากตรวจและไม่รบกวนสตางค์ในกระเป๋ามากเกินไปก็ตรวจได้ครับ

ขอบคุณครับ