มีผลแน่นอนครับ เพราะ EPA ที่อยู่ในน้ำมันปลามีส่วนช่วยสร้างสารที่ลดการอักเสบหรือเจ็บปวดในร่างกายได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าปวดประจำเดือน ปวดข้อปวดเข่า (ที่ไม่ใช่โรคเก๊าด์นะครับ) หรือปวดไมเกรน อาการปวดเหล่านี้จะลดลง

ผมขอสรุปคุณสมบัติของน้ำมันปลาที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้อีกครั้ง ดังนี้
1. ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก ตับอ่อน ได้ระดับหนึ่ง แต่เจ้าตัวต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ปิ้ง ทอด ย่างที่ไหม้เกรียมด้วยครับ
2. เร่งให้เกิดไขมันชนิดที่ดีคือ HDL ให้มีปริมาณสูงขึ้นเพื่อช่วยควบคุมไขมันชนิดอิ่มตัวที่เมื่อมีปริมาณสูงเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพให้อยู่ในระดับที่ไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพ
3. ช่วยลดความดันโลหิตด้วยการทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไตได้ดีขึ้นทำให้ไตสร้างฮอร์โมน "เรนิน" ได้มากขึ้นซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำหน้าที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจไม่ให้เต้นเร็วเกินไปนั่นเอง
4. EPA ในน้ำมันปลาไปลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ หรือเจ็บปวดอย่างที่ผมกล่าวตอนต้นแล้ว
5. น้ำมันปลาช่วยลดการทำงานของเกร็ดเลือดให้น้อยลง จึงทำให้เลือดแข็งตัวช้าไหลเวียนในหลอดเลือดได้ดีขึ้น ช่วยให้อวัยวะที่เจ็บป่วยหรือมีปัญหาเพราะเลือดเลี้ยงน้อยเกินไปได้รับเลือดเพิ่มขึ้น ได้อาหาร อ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้น อวัยวะนั้นก็จะแข็งแรงมีสิทธิ์หายป่วยได้ครับ
6. DHA คือสารที่มีอยู่ในเซลล์สมองอยู่แล้ว ถ้าใครรักษาสาร DHA ในสมองให้อยู่ได้นานเท่าไรก็เท่ากับรักษาสมองให้ทำงานได้ดีและนานเท่านั้น ซึ่งสาร DHA นี้ก็พบมากในน้ำมันปลาด้วย ดังนั้นสารตัวนี้จะช่วยทดแทน DHA ที่มีในสมองได้เป็นอย่างดี ทำให้สมองเสื่อมช้าลงจึงป้องกันโรคอัลซัยเมอร์ และพาร์กินสันได้ดีครับ

ผมว่าใครอ่านข้อความนี้คงรีบไปซื้อน้ำมันปลามาทานแน่นอนเลย ท่านใดอยากทราบว่าซื้อยี่ห้อไหนดีสามารถโทรมาคุยกับผมได้เสมอ แล้วไปซื้อทานเองนะครับ ส่วนน้ำมันปลาของซีเกรนตอนนี้เหลือไม่ถึง 20 ขวดแล้วครับ หมดแล้วหมดเลย....ขอขอบคุณ